Dr. STONE

Dr. STONE เป็นการ์ตูนที่ผมชอบมากที่สุดในช่วงนี้ ทั้งที่เดิมที ผมไม่เคยสนใจเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งเพิ่งมาสังเกตทีหลังว่า คนแต่งเรื่องนี้คือ อินางาคิ ริอิจิโร่  ที่เคยเป็นคู่ซี้ อ.มุราตะ (ผู้เขียน One Punch Man ในปัจจุบัน) สร้างสรรค์ผลงานการ์ตูนเรื่อง Eyeshiled 21 ซึ่งเป็นการ์ตูนที่ผมชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

ที่ผมไม่ได้สนใจแต่แรก บอกตามตรงก็เพราะตอนแรกผมนึกว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะเป็นการ์ตูนแอ๊กชั่นต่อสู้กันธรรมดาตามสูตรสำเร็จของโชเน็นจัมป์ อาจเพราะด้วยความที่เป็นผลงานของ BOICHI ซึ่งจริงๆ เป็นนามปากกาของ ปาร์ค มูจิก นักเขียนการ์ตูนชาวเกาหลีที่เขียนการ์ตูนญี่ปุ่นมานานหลายปี แะผลงานส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปในทางนั้น แต่พอได้มีโอกาสสัมผัสผลงานเรื่องนี้จริงๆ โดยบังเอิญ (ตอนไม่มีอะไรอ่าน) ก็รู้สึกได้เลยว่า สมแล้วที่การ์ตูนเรื่องนี้สามารถคว้ารางวัล Shogakukan Manga Award สาขาการ์ตูนเด็กผู้ชายยอดเยี่ยมมาได้ (ทั้งๆ ที่เป็นการ์ตูนค่ายชูเอย์ฉะนะ)

เรื่องราวของ Dr. Stone นั้นเกิดขึ้นในโลกอนาคตที่ย้อนกลับกลายเป็นยุคหิน จากแสงประหลาดที่สว่างวาบไปทั่วโลกทำให้มนุษย์และนกกลายเป็นหิน (นี่ก็เป็นปริศนาแรก ทำไมถึงเป็นหินเฉพาะนกและมนุษย์) กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 3700 ปี อิชิงามิ เซ็นคู ตัวเอกที่เก่งด้านวิทย์แต่พลังกายแทบจะเป็น 0 ก็ได้ตื่นขึ้นมาจากสภาวะกลายเป็นหินด้วยความบังเอิญ และพบว่าโลกในยุคนี้ได้สูญสิ้นอารยธรรมไปจนหมด เซ็นคูจึงพยายามหาทางที่จะชุบชีวิตคนที่กลายเป็นหินให้กลับเป็นปกติ โดยเริ่มจากเพื่อนๆ ของเขาก่อน ซึ่งตัวเซ็นคูนั้นมีเป้าหมายที่จะใช้พลังทางวิทยาศาสตร์พื้นฟูอารยธรรมของมนุษยชาติขึ้นมาใหม่ รวมถึงการหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นหิน

ทว่าในกลุ่มเพื่อนของเซนคู ก็ยังมีคนอย่าง สึคาสะ ชายที่เคยถูกยกย่องให้เป็นนักเรียน ม.ปลายที่แข็งแกร่งที่สุด แต่สึคาสะนั้นไม่ต้องการให้เซ็นคูสร้างอารยธรรมขึ้นมาใหม่ในยุคนี้ และเลือกที่จะสร้างโลกในอุดมคติในแบบของตนขึ้นมา โดยคัดสรรเฉพาะคนที่แข็งแกร่งเอาไว้เท่านั้น (ซึ่งจะมีสาเหตุอธิบายในภายหลังว่าเพราะอะไร) ซึ่งนั่นทำให้เขาแตกหักกับเซ็นคู ถึงกับลงมือ “ฆ่า” เซ็นคูเสีย แต่เจ้าตัวกลับรอดตายมาได้และออกเดินทางเพื่อที่จะสร้างราชอาณาจักรทางวิทยาศาสตร์ขึ้นมาเพื่อรับมือกับสึคาสะที่กำลังสร้างยูโทเปียในแบบของตนขึ้นมาด้วยเช่นกัน โดยที่รู้ว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องห้ำหั่นกันในเวลาอีกไม่นาน

สิ่งที่น่าสนใจในการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือ พล็อตเรื่องที่เดาทางไม่ออกเลย ตั้งแต่เริ่มเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นการ์ตูนแนวเอาชีวิตรอดในต่างโลก(ยุคหิน)แบบ Action Survival ซึ่งบางคน(โอตาคุแมน)บอกว่าช่วงเล่มแรกเหมือนจะไม่สนุกสักเท่าไหร่ แต่พอสักพักเรื่องราวกลับพลิกผันกลายมาเป็นการ์ตูนที่สอนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์แบบง่ายๆ แต่ทำได้จริงแบบเหลือเชื่อ (อ.อินางาคิทำการบ้านเรื่องนี้มาดีจริงๆ) ซึ่งความรู้สึกของผมนั้นเนื้อเรื่องช่วงนี้คล้ายกับว่าเรากำลังเล่นเกมแนวซิมูเลชั่นสร้างเมือง ซึ่งไม่ใช่แค่การได้เห็นอารยธรรมของมวลมนุษย์ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น แต่ยังได้เห็นอุดมการทางการเมืองและแนวคิดทางปรัชญาการเมืองที่เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาด้วย

ซึ่งตอนนี้ตัวคอมมิคนั้นดำเนินเรื่องไปถึงส่วนที่ 3 แล้ว แต่ตัวอนิเมนั้นไม่รู้ว่าจะทำถึงหรือเปล่า เพราะอนิเมที่ผลิตโดย TMS/8PAN นั้นคาดว่าน่าจะมีความยาว 24 ตอนจบ จึงเดาไม่ถูกว่าจะจบลงช่วงไหน ซึ่งผมเดาว่าน่าจะจบลงในช่วงเนื้อเรื่องส่วนที่ 2 แต่ถ้าดูจากอนิเมแล้วดูเหมือนเนื้อเรื่องจะเดินค่อนข้างเร็วทีเดียว แต่โดยลึกๆ แล้ว ผมอยากให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้ออกอากาศในบ้านเรานะ เพราะเนื้อหานั้นถือได้ว่าดี ดูสนุก แฝงไปด้วยพลังมิตรภาพแบบการ์ตูนค่ายโชเน็นจัมป์ และยังส่งเสริมการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์อีก เลยไม่แปลกใจเลยที่เรื่องนี้จะทำอันดับในจัมป์ได้ค่อนข้างดี และยังได้รางวัลการ์ตูนคอมมิคยอดเยี่ยมมาครองด้วย