2018 จุดเปลี่ยนวงการอนิเม วงการคอมมิคทรงตัว

ปี 2018 ผ่านไปแล้วอย่างรวดเร็วมากครับ เร็วจนผมตกใจเลย อาจเพราะปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมายทีเดียว โดยเฉพาะในวงการการ์ตูนบ้านเรานี่ถือได้ว่าเป็นบททดสอบสำคัญเลยนะครับว่าจะสามารถผ่านการ Disrupted ของวงการสื่อไปได้หรือไม่ ซึ่งมีทั้งเรื่องที่เป็นไปตามคาด และเรื่องที่เกินคาดอยู่หลายเรื่องทีเดียวครับ

เริ่มที่วงการหนังสือการ์ตูนและสื่อสิ่งพิมพ์ก่อน เป็นที่รู้กันครับว่าวงการหนังสือเป็นวงการที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสื่อมากที่สุด ปีที่ผ่านมาไม่มีข่าวนิตยสารการ์ตูนปิดตัวเหมือนปีก่อนๆ เพราะเอาจริงๆ มันปิดตัวไปกันหมดแล้ว (ฮา..ไม่ออก เศร้ามากกว่า) แต่ที่น่าสนใจก็คือ วงการสิ่งพิมพ์ในปีที่ผ่านมาไม่ได้ถดถอยลงมากอย่างที่คิดครับ ตัวเลขจำนวนคอมมิครวมเล่มที่ออกวางจำหน่ายในปีที่ผ่านมา ลดลงจากปี 2017 ไม่ถึง 1% (2018 – 1918 เล่ม / 2017 – 1934 เล่ม ไม่ได้นับเอง เอามาจาก blog ของคุณ iamzeon)  ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมาจากสำนักพิมพ์ฟีนิกซ์ (91 เล่ม) และวิบูลย์กิจ ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2017 พอสมควร (337 เล่ม เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 58 เล่ม) ซึ่งเอาจริงๆ เป็นเพราะช่วงปี 2016 – 2017 วิบูลย์กิจออกหนังสือได้น้อยลงกว่าปกติด้วยแหละ ปี 2018 ก็เลยดูเหมือนจะเป็นปีที่วิบูลย์กิจกลับมาคืนฟอร์มออกหนังสือได้มากขึ้น (แต่ก็ยังน้อยกว่ายุครุ่งเรือง ที่ออกวางจำหน่ายสัปดาห์ละ 3 วัน ปัจจุบันลดเหลือ 2 วัน) และยังมีการประกาศ LC ใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ ด้วยครับ

ส่วนสำนักพิมพ์อื่นๆ ก็ดูเหมือนจะทรงตัวกัน บ้างก็ปรับตัวเล็กน้อย แต่ที่ลดลงรุนแรงต่อเนื่องก็คงเป็นค่ายเนชั่น โดยในปีที่ผ่านมาออกรวมเล่มได้แค่ 21 เล่ม และมีแนวโน้มว่าจะลดลงอีก เพราะช่วงปลายปีนี่แทบไม่ออกอะไรใหม่ๆ เลย ซึ่งเรื่องปัญหาภายในขององค์กรยักษ์ใหญ่อย่างเนชั่นผมคงขอเลี่ยงไม่พูดถึงนะครับ เพราะผมเป็นคนนอกไม่รู้ลึกตื้นหนาบางอะไรนอกจากติดตามข่าวผ่านสื่อต่างๆ แต่ก็ขอให้ทุกอย่างผ่านลุล่วงไปได้ด้วยดี เช่นเดียวกับทาง SIC ซึ่งหลายๆ คนคงทราบข่าวการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างบริษัทกันไปแล้ว แต่ตรงนี้ยังไม่มีอะไรออกมาเป็นทางการชัดเจนจนกว่าจะผ่านพ้นการประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนมีนาคม 2019 ซึ่งกว่าจะเห็นข้อสรุปชัดเจนก็ช่วงเป็นช่วงกลางปีครับ

ในส่วนวงการอนิเมนั้น ธุรกิจ DVD น่าจะเรียกได่ว่าถึงทางตันแล้วจริงๆ แต่ยังไม่ถึงกับล่มสลาย แม้จะไม่มีอนิเมซีรี่ส์ออกมาขาย แต่ก็ยังมี DVD อนิเมหนังโรงออกมาให้ชมกันเรื่อยๆ โดยมีผู้เล่นหลักก็คือร้าน Boomerang ที่ตอนนี้นอกจากจะขายแผ่นแล้วยังต้องผลิตแผ่นมาขายเองมากขึ้นด้วย ซึ่งปีที่ผ่านมามีอนิเมฉายในโรงภาพยนตร์อยู่ไม่น้อย มีหนังญี่ปุ่นเข้าฉายโรงถึง 43 เรื่อง เกือบแซงหนังไทย(48 เรื่อง)เลยทีเดียวครับ แม้ส่วนใหญ่จะเป็นการฉายแบบจำกัดโรงก็ตาม ก็เลยยังมีแผ่นออกมาให้แฟนๆ ได้ตามเก็บกันอยู่เรื่อยๆ ส่วน TIGA ก็ยังออกแผ่นโคนันหนังโรง และ DEX เองก็เหมือนจะออกแผ่น DVD กันดั้มอยู่ แต่หาซื้อค่อนข้างยาก ต้องไปที่ร้านยูเมยะ (ร้านของ DEX) ไม่ก็สั่งออนไลน์เอา เพราะร้าน DVD ตามห้างต่างๆ ตอนนี้ก็เหลือแค่บูมเมอแรงที่ยังยืนหยัดจำหน่ายอยู่ ร้านอื่นๆ ปิดตัวไปขายมือถือหรือสินค้าอื่นกันหมด แม้กระทั่งมุม DVD ใน B2S ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว แต่ผมก็ยังซื้อ DVD อยู่เรื่อยๆ นะ บลูเรย์ก็ยังซื้อบ้าง แต่ไม่มากเท่าเมื่อก่อน

ในส่วนของโรสฯ หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับวงการอื่น ก็คาดว่าคงไม่กลับคืนสู่วงการอนิเมแล้ว ส่วนอนิเมทางทีวีแม้จะมีทางเลือกให้ชมเยอะขึ้นหลายช่อง(ดิจิตอล) แต่เรตติ้งก็ดูเหมือนจะแย่ลง ขนาดช่อง 9 การ์ตูนที่อยู่มานานยังต้องมีการปรับเปลี่ยนเวลาออกอากาศ หา content อื่นมาเรียกเรตติ้งบ้าง ทว่าในปีที่ผ่านมา กลับเป็นปีที่มีลิขสิทธิ์อนิเมให้ดูกันเยอะมากนะครับ แต่จะเป็นในรูปแบบ Online ผ่านทาง App หรือช่องทางอื่นๆ อย่าง AIS Play ก็ไปจับมือกับ DEX , TIGA และ ANIPLUS ส่งอนิเมดีๆ มาให้ดูกันทั้งในแบบอนิเมหนังโรงและ Simulcast ฉายชนทีวีญี่ปุ่น ที่ฮือฮาก็อย่าง SAO ซีซัน 3 ที่บ้านเราดูไล่ตามหลังญี่ปุ่นแค่ไม่กี่ชั่วโมง ส่วน DEX เองก็ทำ App ของตัวเองชื่อ Flixer ขนอนิเมจากค่ายตัวเองมาใหดูกัน ที่เด่นๆ ก็อย่างเช่นตระกูลมาส์คไรเดอร์ อุลตร้าแมน จนไปถึงเรื่องที่ฉายไล่หลังญี่ปุ่นอย่างรวดเร็วอย่าง Gridman รวมไปถึงเจ้าพ่อแห่งวงการ SVOD (subscription video on demand) ระดับสากลอย่าง NETFLIX ที่ปีที่ผ่านมามีอนิเม(ซับไทย)ให้ชมกันเยอะมากจริงๆ เพียงแต่ค่ายนี้จะมาตอนที่ฉายญี่ปุ่นจบก่อนแล้วค่อยปล่อยให้เราชมกันรวดเดียวจบ แต่ก็มีของเด็ดๆ อย่างพวกไลฟ์แอคชั่นบลีช FMA ไปจนถึงก็อตซิลล่าอนิเม แบทแมนนินจา และยังมีอนิเมอีกหลายเรื่องที่มาในรูปแบบ only on NETFLIX ซึ่งปี 2019 นี่ก็จะมีทั้งอุลตร้าแมน(อนิเม)และเซนต์เซย่า(ใหม่)ทีเดียว

ปี 2019 ผมก็ยังเชื่อว่าน่าจะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกปีหนึ่ง อย่างน้อยๆ ปีนี้ วงการหนังสือก็ต้องผ่านการ “ทดสอบ” การย้ายฐานที่มั่นงานมหกรรมหนังสือจากศูนย์ประชุมสิริกิติ์ไปยังอิมแพคเมืองทองธานี และวงการอนิเมก็ต้องเข้าสู่จุดตัดสินแล้วว่า SVOD เจ้าไหนจะอยู่รอด หลังจากที่ปีก่อนนี้รายย่อยตายเรียบ และปีนี้ก็น่าจะมีผู้เล่นใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก อย่างน้อย NETFLIX ก็จะต้องเจอคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Disney+ ซึ่งทำให้ Netflix อาจมีแนวโน้มลุยตลาด Local Content และอนิเมมากขึ้นไปอีก ซึ่งแน่นอนครับว่า ในยุคที่โลกกำลังถูก Disrupted ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องปรับตัวครับ คนที่อยู่รอดก็คือคนที่ปรับตัว และผมก็เชื่อว่า โลกในทุกวันนี้เปิดโอกาสให้เรามากขึ้นกว่ายุคก่อน และเชื่อว่าปีนี้อาจจะเป็นที่เหนื่อย แต่ก็น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับหลายๆ คนที่ไม่ยอมแพ้เช่นกัน

สุดท้ายนี้ สวัสดีปีใหม่ครับ